ตัวอย่างเอกสาร รับแปลเอกเอกสารยื่นวีซ่า

วีซ่าแต่งงานแต่ละประเทศ เตรียมเอกสารอะไรบ้าง

ใครที่กำลังวางแผนจะสละโสดไปใช้ชีวิตคู่ต่างแดนกับหวานใจบ้างเอ่ย? ผม/ดิฉันเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงกำลังตื่นเต้นดีใจ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีความกังวลใจเรื่องเอกสารและขั้นตอนการขอวีซ่าแต่งงานอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะครับ/คะ? ไม่ต้องห่วง! วันนี้ผม/ดิฉันจะพาไปเจาะลึกแบบละเอียดถึงเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอวีซ่าแต่งงานของแต่ละประเทศยอดนิยมกันครับ/ค่ะ รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเคลียร์ทุกข้อสงสัย เตรียมตัวได้อย่างมั่นใจแน่นอน!

เอกสารพื้นฐานที่ทุกประเทศมักต้องการ

ถึงแม้ว่าแต่ละประเทศจะมีรายละเอียดและข้อกำหนดเฉพาะที่แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เอกสารพื้นฐานที่ทุกประเทศมักจะขอก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กันครับ/ค่ะ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง:

เอกสารยืนยันตัวตนและสถานะส่วนตัว

  • หนังสือเดินทาง (Passport): สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่ต้องมี และต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนนับจากวันที่คาดว่าจะเดินทางถึงประเทศนั้น ๆ นะครับ/คะ
  • สูติบัตร (Birth Certificate): เอกสารยืนยันตัวตนและข้อมูลพื้นฐานของเรา รวมถึงชื่อพ่อแม่ด้วย
  • ทะเบียนบ้าน หรือ แบบรับรองทะเบียนบ้าน (House Registration): แสดงที่อยู่ปัจจุบันของเราในประเทศไทย
  • บัตรประจำตัวประชาชน (National ID Card): อีกหนึ่งเอกสารสำคัญที่แสดงความเป็นพลเมืองไทย
  • ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวและชื่อสกุล (Name/Surname Change Certificate) (ถ้ามี): หากเคยมีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ก็ต้องมีเอกสารนี้แนบไปด้วย
  • หนังสือรับรองสถานภาพโสด (Single Status Certificate) (อายุไม่เกิน 6 เดือน): เอกสารสำคัญที่ยืนยันว่าเรายังโสดและสามารถจดทะเบียนสมรสได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุจำกัด ดังนั้นต้องตรวจสอบวันหมดอายุให้ดีนะครับ/คะ

หลักฐานความสัมพันธ์ที่แท้จริง

  • ทะเบียนสมรส หรือ ใบสำคัญการสมรส (Marriage Certificate): ในบางประเทศอาจจะต้องจดทะเบียนสมรสกันก่อนในประเทศไทยเพื่อยื่นขอวีซ่า หรือบางประเทศอาจจะต้องไปจดทะเบียนสมรสที่นั่น
  • รูปถ่ายคู่ (Joint Photos): รวบรวมรูปถ่ายที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในโอกาสต่าง ๆ เช่น ไปเที่ยวด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือพบปะครอบครัวและเพื่อนฝูง
  • จดหมายหรือข้อความที่ติดต่อกัน (Letters or Chat Logs): เก็บหลักฐานการพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย อีเมล หรือแชท เพื่อแสดงให้เห็นถึงการติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ
  • หลักฐานการเดินทางไปมาหาสู่กัน (Travel Records): หากมีการเดินทางไปเยี่ยมเยียนกัน ก็เก็บหลักฐานการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบิน หรือตราประทับในหนังสือเดินทางไว้ด้วย
  • คำให้การรับรองความสัมพันธ์จากบุคคลที่สาม (Affidavits from Third Parties): ในบางกรณี อาจจะต้องมีจดหมายรับรองจากเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวที่รู้จักความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคน

เอกสารทางการเงินและความมั่นคง

  • หลักฐานแสดงความมั่นคงทางการงานและการเงินของผู้ยื่นคำร้อง (Proof of Employment and Financial Stability of the Applicant) (ถ้ามี): เช่น หนังสือรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน หรือ Bank Statement
  • หนังสือรับรองค่าใช้จ่ายและภาระผูกพันจากคู่สมรส (Sponsorship Letter and Financial Documents of the Sponsor): เอกสารที่แสดงว่าคู่สมรสในต่างประเทศของเรามีความสามารถทางการเงินเพียงพอที่จะดูแลเราได้ ซึ่งมักจะต้องมี Bank Statement ย้อนหลัง หรือเอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ

ใบรับรองความประพฤติและสุขภาพ

  • ใบรับรองความประพฤติ (Police Clearance Certificate): เอกสารที่ยืนยันว่าเราไม่มีประวัติอาชญากรรม ซึ่งมักจะมีอายุจำกัดเช่นกัน
  • ใบรับรองแพทย์ (Medical Certificate): ในหลายประเทศ จะต้องมีการตรวจสุขภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด และมีใบรับรองแพทย์ที่ออกโดยสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรอง

เจาะลึก! ข้อกำหนดและเอกสารวีซ่าแต่งงานของแต่ละประเทศ

เอาล่ะครับ/ค่ะ! หลังจากที่เราได้เห็นภาพรวมของเอกสารพื้นฐานกันไปแล้ว ทีนี้เราจะไปเจาะลึกถึงรายละเอียดและเอกสารเพิ่มเติมสำหรับการขอวีซ่าแต่งงานของแต่ละประเทศยอดนิยมกันครับ/ค่ะ มาดูกันเลยว่าแต่ละที่จะมีขั้นตอนและเอกสารอะไรที่แตกต่างกันบ้าง!

วีซ่าแต่งงานสวิตเซอร์แลนด์: ดินแดนแห่งความสงบและหลากหลายภาษา

สำหรับใครที่หัวใจตรงกันกับชาวสวิสเซอร์แลนด์ ก่อนที่จะขอวีซ่าแต่งงานได้นั้น จะต้องยื่นขอจดทะเบียนสมรสกันก่อนในประเทศไทย เพื่อยื่นขอวีซ่าไปจดทะเบียนสมรสที่สวิตเซอร์แลนด์อีกทีหนึ่ง ฟังดูซับซ้อนนิดหน่อยใช่ไหมล่ะครับ/คะ? แต่ไม่ต้องกังวล มาดูเอกสารที่ต้องเตรียมกันเลย:

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับสวิตเซอร์แลนด์

  • สำเนาคำร้องขอเตรียมการสมรส (Copy of Application for Marriage Preparation)
  • หนังสือเดินทาง (Passport)
  • สูติบัตร ที่มีชื่อ-สกุล ของบิดามารดา (Birth Certificate with Parents’ Full Names)
  • ทะเบียนบ้าน หรือ แบบรับรองทะเบียนบ้าน (House Registration or Residence Certificate)
  • หนังสือรับรองสถานภาพโสด (Single Status Certificate) (อายุไม่เกิน 6 เดือน)
  • ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวและชื่อสกุล (Name/Surname Change Certificate) (ถ้ามี)
  • รูปถ่าย 2 ใบ ขนาด 3.5 x 4.5 เซนติเมตร (1.5 นิ้ว)
  • ใบรับรองความประพฤติ (Police Clearance Certificate)
  • หลักฐานอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ เช่น รูปถ่าย การส่งเงินช่วยเหลือ ฯลฯ (Other Evidence of Relationship, e.g., Photos, Remittances, etc.)

สำคัญ: เอกสารและหนังสือรับรองต่าง ๆ ต้องแปลเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน หรืออังกฤษ และต้องได้รับการรับรองเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศ ยกเว้นหนังสือเดินทางและบัตรประจำตัวประชาชน หลังจากเตรียมเอกสารเสร็จแล้ว ก็ต้องไปยื่นเอกสารทั้งหมดด้วยตัวเองที่สถานทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทยนะครับ/คะ

ค่าธรรมเนียม: ประมาณ 305 ฟรังก์สวิส และ 40 ฟรังก์สวิส (จ่ายเป็นเงินบาทตามอัตราแลกเปลี่ยนในวันนั้น)

หลังจากยื่นเอกสารแล้ว ทางสถานทูตจะส่งเอกสารไปที่สถานทูตไทยประจำสวิตเซอร์แลนด์ และจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2 เดือน ถึงจะสามารถสมรสและขอวีซ่าแต่งงานได้ครับ/ค่ะ

วีซ่าแต่งงานนอร์เวย์: สวรรค์แห่งธรรมชาติและครอบครัวอบอุ่น

หนุ่มนอร์เวย์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับสาวไทยหลาย ๆ คน เพราะขึ้นชื่อเรื่องความใจเย็น รักครอบครัว และดูแลกันแบบแฟร์ ๆ หากต้องการพำนักอยู่ในนอร์เวย์นานกว่า 90 วัน ก็จะต้องขอวีซ่าเพื่อพำนักถาวร โดยมีขั้นตอนดังนี้:

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับนอร์เวย์

  • ใบคำร้องการขอวีซ่า (Visa Application Form) (กรอกออนไลน์)
  • หนังสือเดินทาง (Passport)
  • ใบสูติบัตร (Birth Certificate)
  • รูปถ่ายสีขนาด 1.5 x 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป (Two Passport-Sized Color Photos)
  • สำเนาบัตรประชาชน (Copy of National ID Card)
  • สำเนาทะเบียนบ้าน (Copy of House Registration)
  • ใบรับรองความประพฤติ (Police Clearance Certificate)
  • ใบตรวจสุขภาพ (Medical Certificate)
  • ใบสอบวัดระดับภาษา (Language Proficiency Test Certificate)
  • หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (Proof of Relationship)
  • หลักฐานแสดงความมั่นคง (การงาน การเงิน) (Proof of Financial Stability and Employment)
  • ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ หรือ สกุล (Name/Surname Change Certificate) (ถ้ามี)

สำคัญ: เอกสารและหนังสือรับรองต่าง ๆ ต้องได้รับการแปลและรับรองเอกสารที่กระทรวงการต่างประเทศเช่นกันครับ/ค่ะ

ค่าธรรมเนียม: ประมาณ 2,600 NOK (โครนนอร์เวย์) สำหรับวีซ่าแต่งงาน (อาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบจากเว็บไซต์ UDI)

วีซ่าแต่งงานเยอรมนี: ประเทศแห่งความมีระเบียบและโอกาส

ใครที่ชื่นชอบหนุ่มสาวชาวเยอรมันที่มีความขยัน ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบสูง ประเทศเยอรมนีก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจครับ/ค่ะ ที่สำคัญคือเยอรมนีอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมายด้วยนะ! สำหรับการขอวีซ่าแต่งงานที่เยอรมนี อาจจะต้องเตรียมตัวเรียนภาษาเยอรมันในระดับ A1 ไว้ด้วยนะครับ/คะ

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับเยอรมนี

  • หนังสือเดินทาง หรือ บัตรประชาชน (Passport or National ID Card)
  • รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว 3 รูป (Three 2-inch Passport-Sized Photos with White Background)
  • คำร้องขอวีซ่า (Visa Application Form)
  • สูติบัตร หรือ หนังสือรับรองการเกิด (Birth Certificate or Certificate of Birth)
  • สำเนาทะเบียนบ้าน หรือ แบบรับรองทะเบียนราษฎร (Copy of House Registration or Residence Certificate)
  • ใบคำร้องเกี่ยวกับงานทะเบียนครอบครัว (Application for Family Register Matters) (ขอที่สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง)
  • ใบรับรองสถานภาพโสด (Single Status Certificate) (ขอที่นายทะเบียนท้องถิ่นตามภูมิลำเนาเกิด)
  • เอกสารในการเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี) (Name Change Certificate (if applicable))
  • ประกาศนียบัตรภาษาเยอรมันขั้นพื้นฐาน ระดับ A1 (German Language Certificate A1)
  • หนังสือรับรองค่าใช้จ่ายและภาระผูกพัน (Declaration of Commitment) (ขอจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบในเยอรมนี)
  • สำเนาหนังสือเดินทางของคู่หมั้น 2 ชุด (Two Copies of the Fiancé/Fiancée’s Passport)
  • หลักฐานประกันสุขภาพ (Health Insurance Certificate)

สำคัญ: เอกสารภาษาไทยทั้งหมดต้องได้รับการแปลเป็นภาษาเยอรมันและรับรองความถูกต้อง รวมถึงรับรองเอกสารไม่ปลอมแปลงจากสถานทูตเยอรมนีด้วยนะครับ/คะ

วีซ่าแต่งงานอเมริกา: ดินแดนแห่งเสรีภาพและความหลากหลาย (วีซ่า K-3)

การขอวีซ่าไปอเมริกาอาจจะดูซับซ้อนกว่าประเทศอื่น ๆ สักหน่อย เพราะมีวีซ่าหลายประเภท แต่สำหรับวีซ่าแต่งงานแบบไม่ย้ายถิ่นฐานที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้คือ วีซ่า K-3 ซึ่งมีอายุ 2 ปี โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ คือให้คู่สมรสชาวอเมริกันเป็นผู้ยื่นเอกสารที่อเมริกาก่อนครับ/ค่ะ

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับอเมริกา (K-3)

ขั้นตอนแรก: ยื่นเอกสารที่อเมริกา โดยให้คู่สมรสชาวอเมริกันเป็นคนยื่น

  • ยื่นแบบฟอร์ม I-129F ที่ USCIS โดยเตรียม:
    • หนังสือเดินทางของทั้งคู่ (Passports of Both Applicants)
    • ใบรับรองการสมรสของทั้งคู่ (Marriage Certificate)
    • จดหมายการดำเนินการสำหรับแบบฟอร์ม I-130 (Filing Letter for Form I-130)
    • บันทึก I-94 (ถ้ามี) (I-94 Record (if applicable))
    • รูปถ่ายแบบหนังสือเดินทางของทั้งคู่ (Passport-Sized Photos of Both Applicants)

ขั้นตอนที่สอง: หลังจากได้รับการอนุมัติจาก USCIS แล้ว ผู้ยื่นคำร้องในประเทศไทยจะต้องดำเนินการต่อที่สถานทูตอเมริกา โดยเตรียมเอกสารเพิ่มเติมดังนี้:

  • ใบสำคัญการสมรสของทั้งคู่ (Marriage Certificate)
  • หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (Proof of Relationship)
  • หนังสือเดินทางของคนไทย (Thai Passport)
  • สูติบัตร (Birth Certificate)
  • หนังสือรับรองการสนับสนุน (แบบฟอร์ม I-864) (Affidavit of Support Form I-864)
  • ใบรับรองความประพฤติ (Police Clearance Certificate)
  • ผลการตรวจสุขภาพ (Medical Examination Results)
  • หลักฐานการเสียภาษีปีล่าสุดของชาวอเมริกัน (Most Recent Tax Return of the U.S. Citizen)
  • รูปถ่ายพาสปอร์ต 2 รูป (Two Passport-Sized Photos)
  • หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมที่อเมริกา (Proof of Fee Payment in the U.S.)

วีซ่าแต่งงานอังกฤษ: ประเทศที่มีเสน่ห์เหนือกาลเวลาและค่าครองชีพสูง

สำหรับใครที่ตกหลุมรักหนุ่มสาวชาวอังกฤษที่มีความสุขุม ตรงต่อเวลา และชอบวางแผนการใช้เงิน การขอวีซ่าแต่งงานที่อังกฤษนั้น ถึงแม้จะเป็นวีซ่าแต่งงานก็จะไม่ใช่วีซ่าถาวรนะครับ/คะ ยกเว้นว่าอยู่เป็นระยะเวลานานหนึ่งและต้องการเปลี่ยนประเภทวีซ่า ก็จะต้องเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อยื่นขอวีซ่าใหม่สำหรับอาศัยถาวรครับ/ค่ะ มาดูกันว่าเอกสารที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้าง:

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับอังกฤษ

  • กรอกแบบฟอร์มยื่นคำร้องขอวีซ่าจาก VFS (Visa Application Form from VFS): สามารถดำเนินการออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของ VFS Global
  • ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa Fee Payment): ชำระเงินตามช่องทางที่กำหนด
  • กำหนดวันนัดหมายเพื่อยื่นคำร้องที่สถานทูต (Appointment Booking at the Embassy): ทำการนัดหมายเพื่อยื่นเอกสารด้วยตนเอง
  • ทะเบียนสมรส หรือ ใบสำคัญการสมรส (Marriage Certificate)
  • หลักฐานว่าคบกัน (Proof of Relationship): รวบรวมรูปถ่ายคู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง แชทที่คุยกัน หลักฐานการเดินทางไปมาหาสู่กัน ฯลฯ
  • หนังสือเดินทาง (Passport)
  • ใบสูติบัตร (Birth Certificate)
  • ทะเบียนบ้าน (House Registration)
  • บัตรประชาชน (National ID Card)
  • ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (Name/Surname Change Certificate) (ถ้ามี)
  • เอกสารแสดงการทำงาน (Proof of Employment): เช่น หนังสือรับรองการทำงาน สลิปเงินเดือน
  • ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ A1 หรือ B1 (English Language Proficiency Test Certificate A1 or B1): ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของวีซ่า
  • ผลตรวจสุขภาพ (ตรวจจุดที่ปอด) (Tuberculosis Screening Certificate)
  • เอกสารของสปอนเซอร์ (Sponsor’s Documents):
    • หนังสือเดินทาง (Passport)
    • เอกสารส่วนตัวอื่น ๆ (Other Personal Documents)
    • หลักฐานที่อยู่บ้านในสหราชอาณาจักร (Proof of Accommodation in the UK)
    • หลักฐานแหล่งที่มารายได้ (Proof of Income)
    • Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน (Bank Statements for the Last 6 Months)
    • เอกสารการเสียภาษีเงินได้ (Income Tax Documents)

สำคัญ: เอกสารที่เป็นภาษาไทยทั้งหมดจะต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษและรับรองจากสถานทูตอังกฤษครับ/ค่ะ นอกจากนี้ รายได้ของคู่สมรสในสหราชอาณาจักรจะต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก่อน จึงจะสามารถยื่นขอวีซ่าแต่งงานได้ ควรเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม ปริ้นท์เอกสารแบบฟอร์มทุกอย่างออกมา และอย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องก่อนยื่นนะครับ/คะ

วีซ่าแต่งงานออสเตรเลีย: แผ่นดินแห่งโอกาสและธรรมชาติอันงดงาม

ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความนิยมจากคนไทยไม่น้อย ด้วยค่าแรงที่สูงและเปิดกว้างต่อคนต่างชาติ หนุ่มสาวออสซี่ส่วนใหญ่ก็มีนิสัยชิล ๆ รักธรรมชาติ และรักครอบครัว สำหรับการขอวีซ่าแต่งงานที่ออสเตรเลีย มีเอกสารที่ต้องยื่นดังนี้:

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับออสเตรเลีย

  • กรอกแบบฟอร์มใบสมัครวีซ่าออนไลน์ (Online Visa Application Form)
  • เอกสารส่วนตัวของผู้ยื่นคำร้อง (Personal Documents of the Applicant):
    • บัตรประชาชน (National ID Card)
    • สำเนาทะเบียนบ้าน (Copy of House Registration)
    • ใบสูติบัตร (Birth Certificate) ฯลฯ
  • เอกสารส่วนตัวของสปอนเซอร์ (Personal Documents of the Sponsor – Australian Citizen/Permanent Resident)
  • ใบรับรองความประพฤติของทั้งคู่ (Police Clearance Certificates for Both Applicants)
  • รูปถ่ายติดวีซ่า 2 ใบ ขนาด 4.5 x 3.5 ซม. ของทั้งคู่ (Two Passport-Sized Photos (4.5 x 3.5 cm) of Both Applicants)
  • ฟอร์ม 888 จากพยานชาวออสเตรเลีย 2 คน (Form 888 Statutory Declaration by two Australian Citizens or Permanent Residents)
  • หลักฐานความสัมพันธ์ (Proof of Relationship): รูปถ่าย จดหมาย อีเมล แชท หลักฐานการเงินร่วมกัน ฯลฯ
  • แบบฟอร์ม 40SP กรอกและรับรองโดยสปอนเซอร์ (Form 40SP Sponsorship for a Partner to Migrate to Australia)
  • แบบฟอร์ม 80 กรอกและรับรองด้วยตัวเอง (Form 80 Personal Particulars for Character Assessment)
  • แบบฟอร์ม 1221 กรอกและรับรองด้วยตัวเอง (Form 1221 Additional Personal Particulars Information)

สำคัญ: หลังจากยื่นหลักฐานและเอกสารต่าง ๆ ผ่านแล้ว จะมีการนัดหมายเพื่อสแกนลายนิ้วมือที่สถานทูต และจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพตามที่กำหนดด้วยครับ/ค่ะ

วีซ่าแต่งงานเกาหลี: สู่ดินแดนแห่งวัฒนธรรมและเคป็อป

สำหรับใครที่ใฝ่ฝันจะเป็นสะใภ้เกาหลี อาจจะต้องเตรียมตัวเรียนภาษาเกาหลีไว้แต่เนิ่น ๆ นะครับ/คะ โดยสถาบันที่ไปเรียนจะต้องได้รับการรับรองจากสถานทูตเกาหลี ซึ่งในประเทศไทยมีเพียง 4 สถาบันเท่านั้น หากไม่ได้เรียนในสถาบันที่กำหนด จะต้องสอบผ่านวัดระดับภาษาเกาหลี Topik ขั้นต่ำระดับ 1 และต้องสมรสกันเรียบร้อยแล้วถึงจะสามารถขอเอกสารแต่งงาน หรือวีซ่า F-6 ได้ครับ/ค่ะ

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับเกาหลี

  • กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า (Visa Application Form)
  • พาสปอร์ตตัวจริงและสำเนา (Original and Copy of Passport)
  • รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว ขนาด 3.5 x 4.5 ซม. 1 รูป (One Passport-Sized Photo (3.5 x 4.5 cm) with White Background)
  • เอกสารประวัติการขอหนังสือเดินทาง (Passport Issuance History)
  • ใบแสดงความสัมพันธ์การสมรส และใบแสดงความสัมพันธ์ครอบครัว (Marriage Relationship Certificate and Family Relationship Certificate)
  • เอกสารความมั่นคง (ใบรับรองการงาน การเงิน) (Proof of Financial Stability and Employment)
  • ใบรับรองการเข้าอบรมโปรแกรมการแต่งงานระหว่างประเทศ (Certificate of Completion of International Marriage Program)
  • ใบตรวจสุขภาพ (Medical Certificate)
  • ใบรับรองความประพฤติ (Police Clearance Certificate)
  • ผลสอบวัดระดับภาษาเกาหลี (TOPIK Score Report) (ขั้นต่ำระดับ 1)
  • หลักฐานในการคบกัน (แชทที่คุย รูปภาพตลอดระยะเวลาที่คบกัน) (Proof of Relationship: Chat Logs, Photos Throughout the Relationship)
  • เอกสารเพิ่มเติม: เช่น ใบสำคัญการหย่า หรือใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล (Additional Documents: Divorce Certificate or Name/Surname Change Certificate (if applicable))

สำคัญ: เอกสารทั้งหมดจะต้องได้รับการแปลเป็นภาษาเกาหลีและรับรองเอกสารที่สถานทูตเกาหลีครับ/ค่ะ

วีซ่าติดตามคู่สมรสชาวไทย (Non-O Spouse Visa): อยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่นในสยาม

สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยกับคู่สมรสชาวไทย สามารถขอวีซ่าประเภท Non-O หรือ Spouse Visa ได้ครับ/ค่ะ วีซ่านี้เป็นวีซ่าชั่วคราว โดยปกติจะได้รับอนุญาตให้อยู่ได้สูงสุด 90 วัน และสามารถต่ออายุได้อีก 1 ปี โดยจะต้องต่ออายุล่วงหน้า 1 เดือนก่อนวีซ่าหมดอายุนะครับ/คะ

ขั้นตอนการขอวีซ่าและเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับประเทศไทย (Non-O Spouse Visa)

  • พาสปอร์ต ตัวจริงและสำเนาทุกหน้าพร้อมลายเซ็น (Original Passport and Copies of All Pages with Signature)
  • หน้าบัญชีธนาคาร กสิกรไทย หรือ ไทยพาณิชย์ (Bank Statement of Kasikornbank or Siam Commercial Bank): ต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 400,000 บาท ย้อนหลัง 2 เดือนก่อนยื่นวีซ่า
  • สำเนาทะเบียนบ้านของคนไทย (Copy of Thai Spouse’s House Registration)
  • สำเนาบัตรประชาชนของคนไทย (Copy of Thai Spouse’s National ID Card)
  • สำเนาทะเบียนสมรส (Copy of Marriage Certificate)
  • สำเนาใบบันทึกสมรส (ใบ คร. 2) (Copy of Marriage Registration Document (Kor Ror 2))
  • รูปถ่าย 2 นิ้ว 3 ใบ (Three 2-inch Photos)
  • รูปถ่ายงานแต่งงาน รูปครอบครัว 10 ใบ (รูปสี) (Ten Color Photos of Wedding Ceremony and Family)
  • สำเนาเอกสารทุกอย่างต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (Copies of All Documents Must Be Certified True Copies)

สำคัญ: ควรยื่นเอกสารทั้งหมดภายใน 3-4 อาทิตย์ และต้องส่งก่อนวีซ่าหมดอายุ 3 สัปดาห์ครับ/ค่ะ

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อการขอวีซ่าแต่งงานที่ราบรื่น

  • ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด: เข้าไปที่เว็บไซต์ของสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ เพื่อดูข้อมูลล่าสุดและข้อกำหนดที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง
  • เตรียมเอกสารล่วงหน้า: การเตรียมเอกสารต้องใช้เวลา ดังนั้นควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเอกสารไม่พร้อมในวันยื่น
  • แปลเอกสารอย่างถูกต้อง: การแปลเอกสารจะต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง และต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศหรือสถานทูต
  • ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร: ก่อนยื่นเอกสารทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
  • เผื่อเวลาสำหรับการดำเนินการ: กระบวนการพิจารณาวีซ่าอาจใช้เวลานาน ดังนั้นควรเผื่อเวลาให้เพียงพอ
  • ติดต่อสถานทูตหากมีข้อสงสัย: หากมีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ อย่าลังเลที่จะติดต่อสถานทูตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

บทสรุป: เส้นทางสู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ในต่างแดน

การเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตคู่ในต่างแดนอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ถ้าเราเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด รวมถึงเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อม ผม/ดิฉันเชื่อว่าทุกคนจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้อย่างแน่นอนครับ/ค่ะ ขอให้ทุกคู่รักสมหวังและมีความสุขกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังใหม่นะครับ/คะ!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คำถามที่ 1: หนังสือรับรองสถานภาพโสดต้องมีอายุไม่เกินกี่วัน?

โดยส่วนใหญ่แล้ว หนังสือรับรองสถานภาพโสดจะมีอายุไม่เกิน 6 เดือนนับจากวันที่ออกเอกสารครับ/ค่ะ แต่ก็ควรตรวจสอบข้อกำหนดของแต่ละประเทศอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

คำถามที่ 2: ต้องแปลเอกสารทุกฉบับเป็นภาษาของประเทศที่เราจะไปหรือไม่?

ใช่ครับ/ค่ะ เอกสารที่เป็นภาษาไทยส่วนใหญ่จะต้องได้รับการแปลเป็นภาษาของประเทศที่เราจะไป หรือภาษาอังกฤษ และต้องได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง

คำถามที่ 3: ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าแต่งงานแต่ละประเทศเท่ากันหรือไม่?

ไม่ครับ/ค่ะ ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าแต่งงานจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมล่าสุดจากเว็บไซต์ของสถานทูต

คำถามที่ 4: ระยะเวลาในการพิจารณาวีซ่าแต่งงานนานแค่ไหน?

ระยะเวลาในการพิจารณาวีซ่าจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความสมบูรณ์ของเอกสาร จำนวนผู้ยื่นคำร้อง ดังนั้นควรเผื่อเวลาให้เพียงพอ

คำถามที่ 5: หากวีซ่าแต่งงานหมดอายุแล้ว สามารถต่ออายุได้หรือไม่?

การต่ออายุวีซ่าจะขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่าและกฎหมายของแต่ละประเทศ สำหรับบางประเทศ เช่น วีซ่าติดตามคู่สมรสชาวไทย (Non-O) สามารถต่ออายุได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด แต่สำหรับวีซ่าแต่งงานของบางประเทศ อาจจะต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อยื่นขอวีซ่าใหม่

ขอบคุณข้อมูล

https://www.wongnai.com/articles/documents-for-marriage-visa

** ข้อมูลในบทความนี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน หรือมีความคลาดเคลื่อนได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้อง***

ทำไมต้องเลือก First Choice Translation ในการแปลภาษา แปลเอกสาร แปลเอกสารยื่นวีซ๋า?

การเลือก First Choice Translation ในการแปลภาษแปลเอกสาร หรือแปลเอกสารยื่นวีซ่า มีเหตุผลสำคัญหลายประการที่ทำให้คุณมั่นใจได้ในคุณภาพและความน่าเชื่อถือของบริการครับ/ค่ะ:

  • ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เฉพาะด้าน: First Choice Translation อาจมีทีมงานนักแปลที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์โดยตรงในการแปลเอกสารประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารที่ใช้สำหรับการยื่นวีซ่า ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความถูกต้องและเป็นไปตามข้อกำหนดของสถานทูต
  • ความแม่นยำและความถูกต้องของภาษา: นักแปลที่มีคุณภาพจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในภาษาต้นฉบับและภาษาเป้าหมาย ทำให้มั่นใจได้ว่าการแปลจะถูกต้องตามความหมายและบริบท ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดพลาดที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่าของคุณ
  • ความเข้าใจในข้อกำหนดของสถานทูต: การแปลเอกสารยื่นวีซ่ามักมีข้อกำหนดเฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและแต่ละประเภทวีซ่า First Choice Translation อาจมีความเข้าใจในข้อกำหนดเหล่านี้เป็นอย่างดี ทำให้เอกสารที่แปลมีความสอดคล้องและเป็นไปตามมาตรฐาน
  • การรับรองเอกสาร (Certification): สำหรับเอกสารที่ใช้ในการยื่นวีซ่า หลายครั้งที่สถานทูตต้องการการรับรองการแปล (Certified Translation) ซึ่ง First Choice Translation อาจมีบริการนี้เพื่อรับรองความถูกต้องของการแปล ทำให้เอกสารของคุณเป็นที่ยอมรับ
  • ความรวดเร็วและตรงต่อเวลา: การยื่นวีซ่ามักมีกำหนดเวลาที่แน่นอน First Choice Translation อาจมีระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถส่งมอบงานแปลได้อย่างรวดเร็วและตรงตามเวลาที่คุณต้องการ
  • การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล: เอกสารส่วนตัวที่ใช้ในการยื่นวีซ่าเป็นข้อมูลสำคัญ First Choice Translation ควรมีนโยบายและการจัดการที่เข้มงวดในการรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า
  • บริการที่ครอบคลุม: นอกจากการแปลแล้ว อาจมีบริการเสริมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การตรวจทานเอกสาร การแก้ไข หรือการจัดรูปแบบเอกสารให้เป็นไปตามที่กำหนด
  • ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ: First Choice Translation อาจมีชื่อเสียงที่ดีและมีลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพของบริการ ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบรีวิวหรือสอบถามจากผู้ที่เคยใช้บริการได้
  • การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ: การติดต่อสื่อสารที่ชัดเจนและรวดเร็วกับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ First Choice Translation ที่ดีควรสามารถตอบคำถามและให้ข้อมูลแก่คุณได้อย่างครบถ้วน
  • ราคาที่สมเหตุสมผล: แม้ว่าคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ แต่ราคาก็เป็นอีกปัจจัยในการตัดสินใจ First Choice Translation ควรมีราคาที่แข่งขันได้และคุ้มค่ากับคุณภาพของงานที่ได้รับ

ดังนั้น หาก First Choice Translation มีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน ก็จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและควรค่าแก่การพิจารณาสำหรับการแปลภาษา แปลเอกสาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแปลเอกสารสำคัญสำหรับการยื่นวีซ่าของคุณครับ/ค่ะ

ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ

สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร

อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7

ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต

เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255 
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA