ประเทศที่ไม่ขอวีซ่า 2024

วีซ่าเชงเก้น ไปประเทศไหนได้บ้าง ให้กรมการกงสุลรับรองไหม

เราจะมาคุยกันเรื่อง “วีซ่าเชงเก้น” ซึ่งเป็นเหมือนตั๋วเบิกทางสู่ยุโรปที่หลายคนใฝ่ฝันถึง เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้ แต่อาจจะยังงงๆ ว่ามันคืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้าง แล้วจำเป็นต้องขอไหมถ้าจะไปเที่ยวยุโรป? ไม่ต้องกังวลไปครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังแบบละเอียดเลย

วีซ่าเชงเก้นคืออะไร?

พูดง่ายๆ วีซ่าเชงเก้นก็คือใบอนุญาตให้เราเดินทางเข้า-ออก และพำนักอยู่ในกลุ่มประเทศที่เรียกว่า “เขตเชงเก้น” ได้อย่างอิสระ เหมือนเรามีบัตรผ่านเข้าออกหลายๆ ประเทศในยุโรปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแยกแต่ละประเทศเลยครับ สะดวกสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ?

ข้อดีของวีซ่าเชงเก้น

  • เดินทางได้สะดวก: ข้อนี้คือจุดเด่นเลยครับ ลองนึกภาพว่าเราสามารถนั่งรถไฟจากปารีสไปโรม หรือจะขับรถจากอัมสเตอร์ดัมไปเบอร์ลินก็ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องด่านตรวจคนเข้าเมืองระหว่างทางเลย มันเหมือนกับการเดินทางภายในประเทศเราเองเลยครับ
  • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: ไม่ต้องเสียเวลาและเงินไปกับการขอวีซ่าหลายๆ ประเทศ แค่มีวีซ่าเชงเก้นใบเดียวก็เที่ยวได้หลายประเทศเลย
  • พำนักได้นาน: วีซ่าเชงเก้นส่วนใหญ่จะอนุญาตให้เราอยู่ในเขตเชงเก้นได้สูงสุด 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน ซึ่งก็ถือว่านานพอสมควรสำหรับการท่องเที่ยวหรือทำธุระต่างๆ
  • มีหลายประเภทให้เลือก: ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยว ทำธุรกิจ เยี่ยมญาติ หรือแม้แต่ไปรักษาพยาบาล ก็มีวีซ่าเชงเก้นที่ครอบคลุมวัตถุประสงค์เหล่านี้ครับ

วีซ่าเชงเก้น คุณสมบัติและจุดประสงค์การใช้งาน

ใครบ้างที่ต้องขอวีซ่าเชงเก้น?

โดยทั่วไปแล้ว คนไทยอย่างเราๆ ที่จะเดินทางไปยุโรปในเขตเชงเก้น จำเป็น ต้องขอวีซ่าเชงเก้นก่อนครับ ยกเว้นว่าคุณจะมีสัญชาติของประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือประเทศในยุโรปเอง) แต่ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำให้เช็คกับสถานทูตของประเทศที่คุณจะไป หรือเว็บไซต์ทางการของกลุ่มประเทศเชงเก้นจะชัวร์ที่สุดครับ

วีซ่าเชงเก้นมีกี่ประเภท?

วีซ่าเชงเก้นหลักๆ จะแบ่งเป็น 3 ประเภทตามระยะเวลาและวัตถุประสงค์ครับ:

วีซ่าระยะสั้น (Type C)

  • อันนี้คือวีซ่าที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุดครับ ใช้สำหรับเดินทางเข้าเขตเชงเก้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น ท่องเที่ยว, ทำธุรกิจระยะสั้น, เยี่ยมญาติ, หรือเข้ารับการรักษาพยาบาล
  • อยู่ได้ไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน

วีซ่าระยะยาว (Type D)

  • อันนี้สำหรับคนที่ต้องการพำนักในเขตเชงเก้นนานกว่า 90 วัน เช่น ไปเรียนต่อ, ทำงาน, หรือย้ายไปอยู่กับครอบครัว
  • แต่ละประเทศสมาชิกจะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขของวีซ่าประเภทนี้แตกต่างกันไป ต้องเช็ครายละเอียดกับสถานทูตของประเทศนั้นๆ โดยตรง

วีซ่าผ่านสนามบิน (Type A)

  • อันนี้สำหรับคนที่แค่แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินในเขตเชงเก้น แต่ไม่ได้จะออกไปข้างนอกสนามบิน
  • ไม่ได้อนุญาตให้ออกนอกพื้นที่สนามบินนะครับ

จุดประสงค์การเดินทางที่สามารถขอวีซ่าได้

การท่องเที่ยว

อันนี้แน่นอนอยู่แล้วครับ ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวยุโรป ไม่ว่าจะเป็นปารีส, โรม, อัมสเตอร์ดัม, หรือเมืองสวยๆ อื่นๆ ในเขตเชงเก้น

การทำธุรกิจ

ถ้าคุณต้องไปประชุม, สัมมนา, หรือติดต่อธุรกิจในยุโรป ก็ขอวีซ่าเชงเก้นได้ครับ

เยี่ยมครอบครัว

ถ้ามีญาติหรือเพื่อนสนิทอยู่ที่ยุโรป และอยากไปเยี่ยมเยียน ก็ขอวีซ่าประเภทนี้ได้เลย

การแพทย์

ถ้าจำเป็นต้องไปรับการรักษาพยาบาลในยุโรป ก็มีวีซ่าที่ครอบคลุมวัตถุประสงค์นี้ครับ

ประเทศในเขตเชงเก้น

รายชื่อประเทศสมาชิกเชงเก้น

ปัจจุบัน (ปี 2024) เขตเชงเก้นมีสมาชิกทั้งหมด 27 ประเทศครับ ได้แก่:

  • กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตก: ออสเตรีย, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, สวิตเซอร์แลนด์
  • กลุ่มนอร์ดิก: เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ไอซ์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน
  • กลุ่มเมดิเตอร์เรเนียน: กรีซ, อิตาลี, มอลตา, โปรตุเกส, สเปน
  • กลุ่มยุโรปตะวันออก: สาธารณรัฐเช็ก, เอสโตเนีย, ฮังการี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, โปแลนด์, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย
  • ประเทศอื่นๆ: ลิกเตนสไตน์
  • สมาชิกล่าสุด: โครเอเชีย

ประเทศที่ไม่ได้อยู่ในเขตเชงเก้น

ต้องระวังตรงนี้นิดนึงนะครับ เพราะมีบางประเทศในยุโรปที่ ไม่ได้ เป็นสมาชิกเชงเก้น เช่น:

  • สหราชอาณาจักร (UK)
  • ไอร์แลนด์
  • โรมาเนีย
  • บัลแกเรีย
  • ไซปรัส

ถ้าจะไปประเทศเหล่านี้ คุณจะต้องขอวีซ่าแยกต่างหากนะครับ ไม่สามารถใช้วีซ่าเชงเก้นได้ และจะต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกครั้งที่เข้า-ออกประเทศเหล่านี้

เอกสารสำคัญสำหรับการขอวีซ่าเชงเก้น

เอกสารพื้นฐานที่ต้องมี

  • พาสปอร์ต: ต้องมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนนับจากวันที่คาดว่าจะเดินทางกลับ และมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า
  • รูปถ่าย: ขนาดตามที่สถานทูตกำหนด (ส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 2 นิ้ว พื้นหลังขาว)
  • แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า: กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้อง
  • ประกันการเดินทาง: ต้องมีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 30,000 ยูโร
  • หลักฐานการเงิน: เช่น statement บัญชีธนาคารย้อนหลัง 3-6 เดือน, หนังสือรับรองการทำงาน, หรือหลักฐานอื่นๆ ที่แสดงว่าคุณมีเงินพอใช้จ่ายตลอดการเดินทาง
  • หลักฐานการจองที่พัก: เช่น ใบจองโรงแรม, หรือจดหมายเชิญจากเจ้าของบ้าน (ถ้าไปพักกับญาติ/เพื่อน)
  • ตั๋วเครื่องบิน: ใบจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
  • แผนการเดินทาง: รายละเอียดคร่าวๆ ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง (ถ้ามี)

เอกสารเพิ่มเติมตามอาชีพ

  • พนักงานบริษัท: หนังสือรับรองการทำงาน (ระบุตำแหน่ง, เงินเดือน, ระยะเวลาที่ทำงาน, และวันลา)
  • เจ้าของกิจการ: หนังสือรับรองบริษัท, หรือหลักฐานการจดทะเบียนธุรกิจ
  • นักเรียน/นักศึกษา: หนังสือรับรองสถานะนักเรียน/นักศึกษา, หรือบัตรนักเรียน/นักศึกษา
  • ผู้เกษียณอายุ: หลักฐานการรับเงินบำนาญ, หรือ statement บัญชีเงินบำนาญ

เอกสารเพิ่มเติมสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี

  • สูติบัตร (ตัวจริงและสำเนา)
  • หนังสือยินยอมจากบิดาและมารดา (กรณีเดินทางคนเดียว หรือเดินทางกับบิดา/มารดาเพียงคนเดียว)
  • สำเนาบัตรประชาชน/พาสปอร์ตของบิดาและมารดา

แนะนำประกันเดินทางสำหรับสำหรับวีซ่าเชงเก้น

สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปยุโรป และต้องยื่นวีซ่าเชงเก้น เราขอแนะนำประกันการเดินทางที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการ มี 2 แผน ได้แก่ ประกันเดินทาง Travel Plus แผน Worldwide + ความคุ้มครองเพิ่มเติมแผน 2 : ตอบโจทย์ข้อกำหนดวีซ่าเชงเก้นอย่างครบถ้วน ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยในต่างประเทศ สูงสุด 1,500,000 บาท และการเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉิน สูงถึง 30,000,000 บาท ประกันเดินทาง Travel Plus แผน Premium: ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศสูงสุด 3,000,000 บาท เพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมและอุ่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น การเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง (สูงสุด 50,000 บาท) และการสูญหายของกระเป๋าเดินทาง (สูงสุด 30,000 บาท)

ขั้นตอนการสมัครวีซ่าเชงเก้น

การจองคิว

สมัยนี้ส่วนใหญ่จะต้องจองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสถานทูต หรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า (เช่น VFS Global) ก่อนนะครับ แนะนำให้จองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะช่วง high season เพราะคิวอาจจะเต็มเร็วมาก

การกรอกแบบฟอร์ม

ดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บไซต์ของสถานทูต หรือ VFS Global กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นความจริงทุกประการนะครับ

เข้าสัมภาษณ์

เตรียมตัวตอบคำถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเดินทาง, แผนการท่องเที่ยว, และสถานะทางการเงินของคุณให้ดี ตอบด้วยความมั่นใจและตรงไปตรงมา

จ่ายค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมวีซ่าเชงเก้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทวีซ่าและอายุของผู้สมัคร เช็คอัตราค่าธรรมเนียมล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ของสถานทูต หรือ VFS Global

ข้อควรรู้  วีซ่าเชงเก้น

กฎ 90/180 วัน

อันนี้สำคัญมาก! กฎนี้หมายความว่าคุณสามารถอยู่ในเขตเชงเก้นได้ไม่เกิน 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน (นับย้อนหลัง) ต้องคำนวณวันดีๆ นะครับ ไม่งั้นอาจจะมีปัญหาตอนเข้าประเทศครั้งต่อไปได้

สาเหตุการปฏิเสธวีซ่าที่พบบ่อย

  • เอกสารไม่ครบ: อันนี้เจอบ่อยมาก เพราะฉะนั้นเช็คเอกสารให้ละเอียดก่อนยื่นนะครับ
  • หลักฐานการเงินไม่เพียงพอ: สถานทูตต้องมั่นใจว่าคุณมีเงินพอใช้จ่ายตลอดการเดินทาง
  • ให้ข้อมูลเท็จ: อย่าโกหกเด็ดขาด! ถ้าสถานทูตจับได้ คุณอาจจะถูกแบนไม่ให้เข้ายุโรปเลยก็ได้
  • มีประวัติไม่ดี: เช่น เคยอยู่เกินกำหนดวีซ่า, เคยกระทำผิดกฎหมายในยุโรป

การยื่นขอวีซ่าครั้งใหม่

ถ้าโดนปฏิเสธวีซ่า ไม่ต้องท้อใจครับ คุณสามารถยื่นขอใหม่ได้ แต่ต้องแก้ไขข้อบกพร่องที่ทำให้ถูกปฏิเสธครั้งก่อนให้เรียบร้อยก่อนนะครับ

บทสรุป

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวยุโรปด้วยวีซ่าเชงเก้นนะครับ ถ้าเตรียมตัวดีๆ เตรียมเอกสารให้พร้อม และทำตามขั้นตอนที่แนะนำ รับรองว่าการขอวีซ่าจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอให้ทุกคนโชคดีกับการเดินทางนะครับ!

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. วีซ่าเชงเก้นต้องขอที่ไหน?

    • โดยทั่วไปแล้วจะต้องยื่นขอวีซ่าที่สถานทูต หรือศูนย์รับคำร้องขอวีซ่า (เช่น VFS Global) ของประเทศที่คุณจะเดินทางไปเป็นประเทศหลัก หรือประเทศที่คุณจะพำนักอยู่นานที่สุด
  2. ต้องขอวีซ่าเชงเก้นล่วงหน้านานแค่ไหน?

    • แนะนำให้ยื่นขอวีซ่าล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือนก่อนวันเดินทาง เผื่อเวลาไว้สำหรับเตรียมเอกสารและรอผลการพิจารณา
  3. วีซ่าเชงเก้นมีอายุนานแค่ไหน?

    • อายุของวีซ่าจะขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่าและดุลยพินิจของสถานทูต แต่โดยทั่วไปแล้ววีซ่าเชงเก้นระยะสั้น (Type C) จะมีอายุไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน
  4. ถ้ามีวีซ่าเชงเก้นแล้ว สามารถเดินทางเข้า-ออกเขตเชงเก้นได้กี่ครั้ง?

    • ขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่าที่คุณได้รับ ถ้าเป็นวีซ่าแบบ Single Entry (เข้า-ออกได้ครั้งเดียว) คุณจะสามารถเดินทางเข้าเขตเชงเก้นได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นวีซ่าแบบ Multiple Entry (เข้า-ออกได้หลายครั้ง) คุณสามารถเดินทางเข้า-ออกเขตเชงเก้นได้หลายครั้ง ตราบใดที่วีซ่ายังไม่หมดอายุ และคุณยังปฏิบัติตามกฎ 90/180 วัน
  5. จำเป็นต้องเอาวีซ่าเชงเก้นไปให้กรมการกงสุลรับรองไหม?

    • โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็น ต้องนำวีซ่าเชงเก้นไปให้กรมการกงสุลรับรองครับ วีซ่าที่ออกโดยสถานทูตของประเทศในกลุ่มเชงเก้นนั้นสามารถใช้เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มเชงเก้นได้เลย

ตามข้อมูลที่ผมเรียบเรียงมาในบทความ และจากความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการขอวีซ่าเชงเก้น:

ขอบคุณที่มา

ขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) อัปเดตล่าสุด! เดินทางยุโรปไปประเทศไหนได้บ้าง?

โดยปกติแล้ว ไม่จำเป็น ต้องนำวีซ่าเชงเก้นที่ได้รับจากสถานทูตของประเทศในกลุ่มเชงเก้นไปให้กรมการกงสุลของประเทศไทยรับรองอีกครับ

  • เหตุผล: วีซ่าเชงเก้นที่ออกโดยสถานทูต/สถานกงสุลของประเทศในกลุ่มเชงเก้น ถือเป็นเอกสารที่ได้รับการยอมรับและมีผลบังคับใช้ในกลุ่มประเทศเชงเก้นอยู่แล้ว การรับรองจากสถานทูตนั้นเพียงพอสำหรับการใช้เดินทาง

  • ข้อยกเว้น (ที่เป็นไปได้น้อยมาก): อาจจะมีกรณีพิเศษบางกรณี ที่ สถานทูตปลายทาง (ประเทศที่คุณจะไป) อาจขอให้มีการรับรองเอกสารบางอย่างเพิ่มเติมจากกรมการกงสุล แต่ กรณีแบบนี้พบได้น้อยมาก และมักจะเป็นเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่น หนังสือยินยอมให้ผู้เยาว์เดินทาง (ถ้าเดินทางกับผู้เยาว์) มากกว่าตัววีซ่าเชงเก้นเอง

สรุป: โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการนำวีซ่าเชงเก้นไปรับรองที่กรมการกงสุลครับ ใช้เอกสารวีซ่าที่ได้รับจากสถานทูตได้เลย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรติดต่อสถานทูตของประเทศที่คุณจะเดินทางไปเพื่อความแน่ใจครับ

*** ข้อมูลในบทความนี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน หรือมีความคลาดเคลื่อนได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้อง***

การใช้บริการแปลเอกสารยื่นวีซ่า พร้อมรับรองเอกสารครบวงจร อย่างเช่นที่ First Choice Translation

มีข้อดีและเหตุผลสำคัญหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องยื่นเอกสารกับหน่วยงานราชการหรือสถานทูตต่างประเทศ:

1. ความถูกต้องและแม่นยำ (Accuracy and Precision):

  • ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา: บริษัทแปลเอกสารมืออาชีพจะมีนักแปลที่มีความเชี่ยวชาญในภาษาต้นทางและภาษาปลายทาง รวมถึงมีความรู้ในศัพท์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับเอกสารราชการและวีซ่า (เช่น ศัพท์กฎหมาย ศัพท์การแพทย์)
  • ลดความเสี่ยงจากการแปลผิด: การแปลเอกสารราชการเอง หากไม่มีความชำนาญ อาจเกิดข้อผิดพลาดในการแปล ซึ่งอาจนำไปสู่การปฏิเสธวีซ่า หรือปัญหาอื่นๆ ตามมาได้

2. การรับรองเอกสาร (Document Certification/Legalization):

  • ความน่าเชื่อถือ: เอกสารที่แปลและรับรองโดยบริษัทแปลที่น่าเชื่อถือ จะได้รับการยอมรับจากสถานทูตและหน่วยงานราชการมากกว่าเอกสารที่แปลเอง
  • กระบวนการที่ถูกต้อง: บริษัทแปลจะทราบขั้นตอนการรับรองเอกสารที่ถูกต้อง เช่น การรับรองคำแปล (Certified Translation), การรับรองโดย Notary Public, หรือการรับรองจากกระทรวงการต่างประเทศ (Legalization) ซึ่งจำเป็นสำหรับเอกสารบางประเภท

3. ความครบวงจร (Comprehensive Service):

  • ประหยัดเวลา: บริษัทแปลสามารถจัดการทุกขั้นตอนให้คุณได้ ตั้งแต่การแปล การตรวจทาน การรับรองเอกสาร ไปจนถึงการยื่นเอกสาร (ในบางกรณี) ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาจัดการเอง
  • ลดความยุ่งยาก: การเตรียมเอกสารยื่นวีซ่ามีขั้นตอนที่ซับซ้อน การใช้บริการครบวงจรจะช่วยลดความยุ่งยากและทำให้กระบวนการราบรื่นขึ้น

4. ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialized Expertise):

  • ความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนด: บริษัทแปลเอกสารสำหรับวีซ่าจะมีความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละสถานทูต เช่น รูปแบบเอกสารที่ต้องการ, ภาษาที่ใช้, ประเภทการรับรองที่จำเป็น
  • การให้คำปรึกษา: บริษัทแปลที่ดีจะสามารถให้คำปรึกษาและแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมเอกสารได้อย่างถูกต้อง

เหตุผลที่ First Choice Translation อาจเป็นตัวเลือกที่ดี:

แม้ว่าผมจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับบริษัท First Choice Translation ได้ (เนื่องจากผมเป็น AI และไม่มีข้อมูลเรียลไทม์เกี่ยวกับบริษัทต่างๆ) แต่ชื่อ “First Choice Translation” และคำว่า “ครบวงจร” บ่งบอกว่าบริษัทนี้น่าจะ:

  • มีประสบการณ์: ชื่อ “First Choice” อาจสื่อถึงความนิยมหรือความเป็นผู้นำในตลาด
  • ให้บริการที่หลากหลาย: คำว่า “ครบวงจร” แสดงว่าบริษัทน่าจะให้บริการที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการแปลและรับรองเอกสาร

สรุป:

การใช้บริการแปลเอกสารยื่นวีซ่า พร้อมรับรองเอกสารครบวงจร เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความถูกต้อง แม่นยำ และความสะดวกในการเตรียมเอกสารสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องยื่นเอกสารกับสถานทูตหรือหน่วยงานราชการต่างประเทศ การเลือกบริษัทแปลที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบการณ์จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติวีซ่า และลดความเสี่ยงจากปัญหาที่อาจเกิดจากเอกสารที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์

ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ

สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร

อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7

ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต

เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255 
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA