เตรียมตัวทำวีซ่าท่องเที่ยว เอกสารอะไรบ้างที่ใช้ยื่นวีซ่า 1

ขอวีซ่าอเมริกา 2568:ผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ต่อกรีนการ์ดคนไทย

 วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเรื่องร้อนๆ ที่หลายคนกำลังจับตามอง นั่นก็คือ สถานการณ์การขอวีซ่าอเมริกาในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องคนไทยในสหรัฐฯ ที่กำลังลุ้นกรีนการ์ดอยู่ หลังจากที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” คว้าชัยชนะกลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกครั้ง บอกเลยว่าเรื่องนี้มีหลายมุมให้เราต้องคิดตามกันเลยทีเดียว

ชัยชนะ “โดนัลด์ ทรัมป์” กับสัญญาณความท้าทายสำหรับผู้อพยพและผู้ถือวีซ่า H-1B

การกลับมาของ “ทรัมป์” ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 เนี่ย จุดประกายความกังวลให้กับหลายๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มผู้อพยพและผู้ที่ถือวีซ่าทำงานชั่วคราวอย่าง H-1B เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะประวัติศาสตร์การทำงานของแกในสมัยแรกมันฟ้อง! มาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงท่าทีที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้อพยพ ทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า “รอบนี้จะหนักกว่าเดิมไหมเนี่ย?”

ทรัมป์หวนคืนทำเนียบขาว: นโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น?

ลองย้อนกลับไปดูสมัยที่ทรัมป์นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีครั้งแรกสิครับ เราจะเห็นเลยว่านโยบายตรวจคนเข้าเมืองของเข้มงวดขึ้นมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำแพงกั้นชายแดน การจำกัดจำนวนผู้ลี้ภัย หรือแม้แต่การตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่ดูจะละเอียดและซับซ้อนกว่าเดิม ทำให้หลายคนที่อยากจะเข้ามาตั้งรกรากหรือทำงานในอเมริการู้สึกถึงความยากลำบากที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วการกลับมาครั้งนี้ล่ะ จะเป็นยังไง? หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าคงไม่ต่างจากเดิม แถมอาจจะเข้มงวดขึ้นไปอีกเสียด้วยซ้ำ

วีซ่า H-1B ส่อเค้ายุ่งยาก: นักเรียนนอกและผู้มีทักษะสูงจะรับมืออย่างไร?

สำหรับน้องๆ นักเรียนไทยที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อและหางานทำที่อเมริกา รวมถึงพี่ๆ ที่ถือวีซ่า H-1B อยู่แล้ว เรื่องนี้ถือว่าน่าเป็นห่วงไม่น้อยเลยครับ เพราะวีซ่า H-1B เนี่ย เป็นเหมือนประตูบานสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีทักษะความสามารถสูงได้เข้าไปทำงานในบริษัทอเมริกัน ซึ่งหลายคนก็หวังว่าจะเป็นใบเบิกทางไปสู่การได้กรีนการ์ดในอนาคต แต่ในยุคของทรัมป์ อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน

การปฏิเสธวีซ่า H-1B ในยุคทรัมป์: สถิติที่น่ากังวล

สถิติในสมัยที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีรอบแรกก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า การอนุมัติวีซ่า H-1B ยากขึ้นมาก มีการปฏิเสธวีซ่าและขอเอกสารเพิ่มเติม (RFE) มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลบอกว่าในช่วงปี 2559-2563 อัตราการปฏิเสธวีซ่า H-1B พุ่งสูงถึงประมาณ 18% เลยทีเดียว! ลองเทียบกับสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่อัตราการปฏิเสธอยู่ที่ประมาณ 3.2% แล้ว จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเลยใช่ไหมล่ะครับ ยิ่งไปกว่านั้น ในบางช่วงของสมัยทรัมป์ อัตราการปฏิเสธวีซ่าบางประเภทสูงขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 12% ไปแตะ 34% เลยทีเดียว น่าตกใจมากๆ

ผลกระทบต่อผู้ถือวีซ่า H-4: สิทธิการทำงานที่อาจถูกจำกัด

ไม่ใช่แค่ผู้ถือวีซ่า H-1B เท่านั้นที่ต้องกังวล คู่สมรสของผู้ถือวีซ่า H-1B ที่ถือวีซ่า H-4 ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน ในสมัยประธานาธิบดีโอบามามีการอนุญาตให้ผู้ถือวีซ่า H-4 สามารถทำงานได้ แต่ในสมัยทรัมป์ก็มีข่าวว่าเตรียมจะยกเลิกกฎระเบียบนี้ แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ถูกยกเลิกไป แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายก็คาดการณ์ว่า เรื่องนี้อาจถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกสิทธิการทำงานไปเลย หรือทำให้ขั้นตอนการยื่นขอใบอนุญาตทำงาน (EAD) ยุ่งยากและใช้เวลานานขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ในสมัยทรัมป์ก็มีการเพิ่มขั้นตอนที่ซับซ้อนจนทำให้การพิจารณา EAD ที่ปกติใช้เวลาไม่นาน กลับต้องรอนานเป็นปีเลยทีเดียว

“ยาหอม” กรีนการ์ดสำหรับนักศึกษาต่างชาติ: ฝันที่เป็นจริงหรือแค่ภาพลวงตา?

ถึงแม้ว่าบรรยากาศโดยรวมจะดูตึงเครียด แต่ก็มีข่าวแว่วๆ มาว่าทรัมป์เองก็ผุดไอเดียที่จะให้ “กรีนการ์ด” กับนักศึกษาต่างชาติที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของปริญญาบัตร ฟังดูเหมือนจะเป็นข่าวดีมากๆ เลยใช่ไหมครับ? เหมือนมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่เดี๋ยวก่อน… เราต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะปักใจเชื่อไปทั้งหมด

ไอเดียกรีนการ์ดพร้อมปริญญา: ความเป็นไปได้ภายใต้นโยบายทรัมป์

แนวคิดนี้ถ้าเป็นจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เพราะมันจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถได้มีสิทธิ์ที่จะอยู่และทำงานในอเมริกาต่อไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวนักศึกษาเองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะได้บุคลากรที่มีคุณภาพไปช่วยพัฒนาประเทศ แต่คำถามสำคัญก็คือ ภายใต้นโยบายที่ดูจะเน้นการจำกัดคนเข้าเมืองของทรัมป์แล้ว ไอเดียนี้จะสามารถผลักดันให้เป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนกัน?

อุปสรรคและข้อจำกัด: ทำไมการได้กรีนการ์ดจึงไม่ง่ายอย่างที่คิด?

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า การได้กรีนการ์ดในอเมริกาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันมีขั้นตอนและกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนมากมาย แถมยังต้องใช้เวลานานในการดำเนินการอีกด้วย ยิ่งถ้าพิจารณาจากประวัติการทำงานของทรัมป์ที่เน้นความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว การที่จะมีมาตรการใหม่ที่เอื้อต่อการให้กรีนการ์ดกับนักศึกษาต่างชาติได้ง่ายๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ท้าทายพอสมควร เราอาจจะต้องรอดูรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ที่จะตามมาอย่างใกล้ชิด ว่าสุดท้ายแล้ว “ยาหอม” นี้จะเป็นของจริง หรือเป็นแค่ภาพลวงตาในช่วงหาเสียงกันแน่

ผลกระทบกว้างไกล: นโยบายทรัมป์กับการอพยพของคนจากหลากหลายประเทศ

นโยบายของทรัมป์ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คนไทยหรือผู้ถือวีซ่า H-1B เท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงผู้อพยพจากหลากหลายประเทศทั่วโลก หลายคนที่ตัดสินใจทิ้งบ้านเกิด ขายทรัพย์สิน เพื่อหวังจะมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าในอเมริกาต้องเจอกับอุปสรรคและความไม่แน่นอนที่มากขึ้น

แรงงานข้ามชาติกับความหวังในสหรัฐฯ: เมื่อเส้นทางถูกจำกัด

สำหรับแรงงานข้ามชาติจากหลายๆ ประเทศ สหรัฐอเมริกาถือเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความหวัง แต่เมื่อนโยบายการเข้าเมืองเข้มงวดขึ้น โควต้าต่างๆ ถูกจำกัดลง เส้นทางที่เคยเปิดกว้างก็เริ่มแคบลงเรื่อยๆ ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมาย

ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น: การพึ่งพาขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย

เมื่อช่องทางถูกกฎหมายมีน้อยลง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ออกมาเตือนว่า สิ่งที่น่ากังวลตามมาก็คือ การที่ผู้อพยพอาจหันไปพึ่งพาขบวนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายมากขึ้น ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็มักจะแสวงหาผลประโยชน์จากความสิ้นหวังของผู้อพยพ ทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในความเสี่ยงที่มากขึ้น ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน

เม็กซิโกและประเทศเพื่อนบ้าน: ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายทรัมป์

ประเทศที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายของทรัมป์ก็คือเม็กซิโก เนื่องจากมีชาวเม็กซิกันจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ทั้งที่มีสถานะทางกฎหมายและไม่มีสถานะทางกฎหมาย การที่ทรัมป์ประกาศว่าจะเนรเทศผู้อพยพจำนวนมากกลับประเทศ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจเม็กซิโก: เมื่อการเนรเทศส่งผลกระทบต่อเงินส่งกลับประเทศ

ปัจจุบันมีชาวเม็กซิกันอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ประมาณ 11 ล้านคน และประมาณ 5 ล้านคนไม่มีสถานะทางกฎหมาย ในปีที่ผ่านมา ชาวเม็กซิกันในสหรัฐฯ ส่งเงินกลับประเทศมากกว่า 63,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล การเนรเทศผู้คนจำนวนมากกลับประเทศจึงมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของครอบครัวชาวเม็กซิกันนับล้านคนในสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความท้าทายของหน่วยงานบรรเทาทุกข์: การรองรับผู้ถูกส่งกลับจำนวนมาก

ผู้อำนวยการคณะกรรมการช่วยเหลือระหว่างประเทศของเม็กซิโกเองก็ออกมาแสดงความกังวลว่า หน่วยงานของพวกเขาอาจไม่สามารถรองรับผู้อพยพที่จะถูกส่งกลับมาจำนวนมากได้ และอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคมให้เข้ามาช่วยแบกรับภาระด้านมนุษยธรรมนี้

บทสรุป: การเตรียมตัวและความหวังในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

สถานการณ์การขอวีซ่าอเมริกาและการได้กรีนการ์ดในปี 2025 ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความท้าทายสำหรับคนไทยและผู้อพยพจากทั่วโลก สิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ก็คือการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์ และหวังว่าจะมีแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับผู้ที่ต้องการไปใช้ชีวิตหรือทำงานในสหรัฐอเมริกา

ข้อควรเตรียมตัวสำหรับผู้ที่ต้องการขอวีซ่าหรือกรีนการ์ดในปี 2025

สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะขอวีซ่าหรือกรีนการ์ดในปี 2025 สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมเอกสารให้พร้อม ศึกษาข้อมูลและกฎระเบียบต่างๆ ให้ละเอียด รวมถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย immigration หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในขั้นตอนต่างๆ การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการดำเนินการให้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น

ความหวังและแนวทางที่เป็นไปได้สำหรับคนไทยในสหรัฐฯ

ถึงแม้สถานการณ์จะดูท้าทาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความหวังเลย สำหรับคนไทยที่อยู่ในสหรัฐฯ อยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือการรักษาสถานะทางกฎหมายของตัวเอง และพยายามหาช่องทางในการปรับสถานะเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวร (กรีนการ์ด) อย่างต่อเนื่อง อาจจะต้องปรึกษาทนายความเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละคน และที่สำคัญคือการให้กำลังใจซึ่งกันและกันในชุมชนคนไทยในสหรัฐฯ ครับ

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกคนเห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้นนะครับ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ยังไงก็ติดตามข่าวสารกันต่อไปนะครับ แล้วพบกันใหม่ครับ!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  1. ถ้าทรัมป์เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง จะมีผลกระทบต่อการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาไหม?

    • มีแนวโน้มว่าการขอวีซ่าทุกประเภทอาจจะมีการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น และอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติมในการพิจารณาครับ
  2. ผู้ที่ถือกรีนการ์ดอยู่แล้ว จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์หรือไม่?

    • โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ถือกรีนการ์ดอย่างถูกต้องตามกฎหมายจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ก็ควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนโยบาย immigration อย่างใกล้ชิดครับ
  3. มีโอกาสที่นักศึกษาต่างชาติจะได้รับกรีนการ์ดพร้อมปริญญาจริงหรือไม่?

    • ไอเดียนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ต้องติดตามดูว่ารัฐบาลทรัมป์จะผลักดันนโยบายนี้ต่อไปหรือไม่ และจะมีเงื่อนไขอย่างไรบ้างครับ
  4. ถ้าการขอวีซ่า H-1B ยากขึ้น มีวีซ่าประเภทอื่นที่คนไทยสามารถพิจารณาได้หรือไม่?

    • มีวีซ่าประเภทอื่นๆ ที่อาจเหมาะสมกับคุณสมบัติและสถานการณ์ของแต่ละคน เช่น วีซ่า L-1 สำหรับผู้จัดการหรือผู้บริหารที่ย้ายไปทำงานในบริษัทสาขาในสหรัฐฯ หรือวีซ่า O-1 สำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษในสาขาต่างๆ ควรปรึกษาทนายความเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
  5. นโยบายของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อคนไทยที่กำลังรอสัมภาษณ์วีซ่าอยู่ที่ประเทศไทยหรือไม่?

    • มีโอกาสที่ขั้นตอนการสัมภาษณ์อาจจะเข้มงวดขึ้นและใช้เวลานานขึ้น ผู้ที่กำลังรอสัมภาษณ์ควรเตรียมเอกสารให้พร้อมและติดตามประกาศจากสถานทูตสหรัฐฯ อย่างสม่ำเสมอครับ

อ้างอิงข่าวจาก

https://www.bangkokbiznews.com/world/1152867

 

** ข้อมูลในบทความนี้อาจไม่เป็นปัจจุบัน หรือมีความคลาดเคลื่อนได้ โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมกับแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้อง***

 

เหตุผลที่คุณควรเลือกใช้บริการแปลภาษาและแปลเอกสารยื่นวีซ่ากับ First Choice Translation:

  1. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เชื่อถือได้: First Choice Translation มีทีมงานนักแปลภาษาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการแปลเอกสารสำหรับยื่นวีซ่าโดยเฉพาะ พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของความถูกต้องและความแม่นยำในการแปลเอกสารราชการ และคุ้นเคยกับข้อกำหนดต่างๆ ของสถานทูตและหน่วยงานภาครัฐ
  2. ความถูกต้องและแม่นยำระดับมืออาชีพ: เราใส่ใจในทุกรายละเอียดของการแปล เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาในเอกสารต้นฉบับได้รับการแปลอย่างถูกต้องและสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ไม่มีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือการสะกดคำที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่าของคุณ
  3. การรับรองคำแปลที่ได้มาตรฐาน: เอกสารที่แปลโดย First Choice Translation จะได้รับการรับรองคำแปลอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการยื่นวีซ่ากับสถานทูตต่างๆ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเอกสารของคุณเป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ
  4. ความเข้าใจในข้อกำหนดของสถานทูต: ทีมงานของเรามีความเข้าใจในข้อกำหนดและรูปแบบการแปลเอกสารที่สถานทูตแต่ละแห่งต้องการ ทำให้เอกสารของคุณได้รับการแปลและจัดรูปแบบอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธวีซ่าเนื่องจากปัญหาด้านเอกสาร
  5. ความหลากหลายของภาษา: เรามีบริการแปลภาษาที่หลากหลาย ครอบคลุมภาษาต่างๆ ที่คุณอาจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไทย หรือภาษาอื่นๆ ทำให้คุณสามารถแปลเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการยื่นวีซ่าได้ในที่เดียว
  6. ความรวดเร็วและตรงต่อเวลา: เราเข้าใจดีว่าการยื่นวีซ่ามีกำหนดเวลาที่แน่นอน ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการส่งมอบงานแปลที่รวดเร็วและตรงต่อเวลา เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนการยื่นวีซ่าได้อย่างราบรื่น
  7. การรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล: เราให้ความสำคัญกับการรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวและเอกสารสำคัญของคุณ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับอย่างสูงสุด
  8. บริการที่สะดวกและเป็นกันเอง: เรามีกระบวนการทำงานที่สะดวกสบาย คุณสามารถส่งเอกสารของคุณให้เราประเมินราคาและดำเนินการแปลได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งได้รับการบริการที่เป็นกันเองและพร้อมให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน
  9. ราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่า: เราเสนอบริการแปลภาษาและแปลเอกสารยื่นวีซ่าในราคาที่สมเหตุสมผลและคุ้มค่ากับคุณภาพของงานที่คุณจะได้รับ
  10. ลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจ: การเลือกใช้บริการแปลเอกสารยื่นวีซ่าจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง First Choice Translation จะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความถูกต้องของเอกสาร และเพิ่มความมั่นใจในการยื่นวีซ่าของคุณ

สรุป: First Choice Translation ไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้บริการแปลภาษา แต่เราเป็นพันธมิตรที่เข้าใจถึงความสำคัญของการยื่นวีซ่าของคุณ เรามุ่งมั่นที่จะมอบบริการแปลภาษาและแปลเอกสารที่มีคุณภาพสูงสุด ถูกต้อง แม่นยำ และได้รับการรับรอง เพื่อให้คุณมั่นใจและประสบความสำเร็จในการยื่นวีซ่าของคุณ เลือก First Choice Translation สิครับ แล้วคุณจะรู้ว่าการแปลเอกสารยื่นวีซ่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!

ติดต่อศูนย์แปลเอกสารเฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชัน

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการกับศูนย์แปลเอกสาร เฟิสท์ชอยซ์ทรานสเลชันได้แล้ววันนี้ที่
LINE OFFICIAL ACCOUNT: https://page.line.me/fc2009?openQrModal=true หรือ

สำนักงานใหญ่ สะพานควาย จตุจักร

อาคารภูมิเดชา ชั้น 4 ซอยประดิพัทธ์ 10 ถ.ประดิพัทธ์ เเขวง/เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
โทร. 082-3256236 , 065-3958392
https://goo.gl/maps/zUrGGGGWSrtMvjDa7

ศูนย์แปลเอกสารสาขาภูเก็ต ถ.ปฏิพัทธ์ เมืองภูเก็ต

เลขที่ 7/4 ถ.ปฏิพัทธ์ ต.ตลาตเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต 83000
โทร. 086-3669255 
https://goo.gl/maps/s21JAisaAnRPvxtHA